logo
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับสมาคม
  • ประเภท/สิทธิประโยชน์ของสมาชิก
  • เอกสารดาวน์โหลด
  • แหล่งข้อมูล
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
Previous Next
แหล่งข้อมูล
  • ประกาศสมาคม
  • ข่าวสมาคม
  • กิจกรรมสมาคม
  • เอกสารเผยแพร่
  • วิดีโอ
  • หน่วยงานพันธมิตร
บทความ: ภาษีและมรดก

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับเงินได้ที่ได้รับเมื่อออกจากงาน ตอนจบ

โดย วินย์ ฉายศิริโชติ นักวางแผนการเงิน CFP®
อาจารย์ประจำหลักสูตรการวางแผนการเงินและการลงทุน มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
เผยแพร่ ณ วันที่ 1 ต.ค. 2566

เมื่อครั้งที่แล้ว ได้นำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “เงินได้ที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน” ในบทความนี้มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเงินได้รับเมื่ออกจากงานกันต่อครับ

เงินได้ส่วนนี้นำไปเป็นฐานซื้อ SSF/RMF/ประกันบำนาญ ได้หรือ

เรื่องนี้น่าจะเป็นคำถามในใจหลายท่าน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณ คำถามนี้ตอบได้เลยว่า “ได้” เพราะฐานในการซื้อ SSF/RMF รวมถึงเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ในการลดหย่อนภาษี คือ “เงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี” ไม่ว่าจะรวมคำนวณภาษีในแบบ ภ.ง.ด. 90/91 หรือแยกคำนวณภาษีก็ตาม ซึ่งทุกท่านสามารถระบุจำนวนเงินได้ส่วนนี้ได้ที่ข้อ 10 ของแบบ ภ.ง.ด. 90 หรือท้ายแบบ ภ.ง.ด. 91

สำหรับเงินได้ประเภท (ค) เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานนั้น หากเป็นกรณีให้ออกจากงานโดยไม่สมัครใจ และไม่ใช่กรณีเกษียณอายุหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง จะได้รับยกเว้นภาษีไม่เกินค่าจ้างของการทำงาน 300 วันสุดท้าย และไม่เกิน 300,000 บาท ดังนั้น หากได้รับค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้าง เงินได้ส่วนที่ได้รับยกเว้นภาษีดังกล่าวนี้ก็จะไม่สามารถรวมเป็นฐานในการซื้อ SSF/RMF และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ

แยกคำนวณภาษีในใบแนบ หักค่าใช้จ่ายอย่างไร

“การคำนวณค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้แต่ละประเภทจะมีหลักเกณฑ์ที่แตกต่างกัน” คือ หากเป็นเงินได้ประเภท (ก) (ข) หรือ (ค) จะสามารถนำมาเป็นฐานในการคำนวณค่าใช้จ่ายได้ทั้งจำนวน แต่หากเป็นเงินได้ประเภท (ง) คือเงินได้ที่ได้รับเมื่อออกจากงานในลักษณะอื่น ๆ นอกจากบำเหน็จข้าราชการ เงินกองทุน PVD/กบข./RMF for PVD หรือเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน จะต้องนำเงินได้มาเปรียบเทียบกับเงินเดือนเดือนสุดท้าย (ซึ่งมีเพดานอีกเช่นกัน คือ ไม่เกินเงินเดือนถัวเฉลี่ย 12 เดือนสุดท้าย บวกด้วย 10%) คูณด้วยจำนวนปีที่ทำงาน (หากมีเศษของปีที่เกิน 183 วัน จะปัดขึ้นเป็น 1 ปี แต่หากเศษไม่ถึง 183 วันให้ปัดทิ้ง)

ส่วนกรณีผู้พิการหรือผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ที่ต้องการหักยกเว้นเงินได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายไม่เกิน 190,000 บาท นั้น ในการแยกคำนวณภาษีในใบแนบก็จะยังคงได้สิทธินี้ (เลือกใช้สิทธิจากเงินได้ประเภทใดจำนวนเท่าใดก็ได้ แต่รวมกันทั้งหมดต้องไม่เกิน 190,000 บาท) แต่การหัก 190,000 บาทนี้จะไม่กระทบต่อการนำเงินได้เป็นฐานในการคำนวณค่าใช้จ่ายครับ

สำหรับการคำนวณค่าใช้จ่ายจะมี 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรก หักค่าใช้จ่ายในอัตรา 7,000 บาท คูณจำนวนปีที่ทำงาน และ ขั้นตอนที่ 2 นำเงินได้ที่เป็นฐานในการคำนวณค่าใช้จ่ายหลังหักค่าใช้จ่ายขั้นตอนแรก หักค่าใช้จ่ายอีกครึ่งหนึ่งของเงินได้ที่เหลือดังกล่าว จากนั้น เมื่อนำค่าใช้จ่ายที่ได้จากทั้ง 2 ขั้นตอนมารวมกัน แล้วหักออกจากเงินได้ที่ได้รับเมื่อออกจากงานทั้งหมด ก็จะเป็นเงินได้สุทธิที่จะนำไปแยกคำนวณภาษีในใบแนบ

แต่หากได้รับเงินได้ที่มีลักษณะเป็นเงินบำเหน็จส่วนหนึ่งและเงินบำนาญอีกส่วนหนึ่ง จะแยกคำนวณภาษีตามวิธีนี้ได้เฉพาะเงินบำเหน็จเท่านั้น และอัตราค่าใช้จ่าย 7,000 บาท ในการหักค่าใช้จ่ายขั้นแรก จะลดลงเหลือ 3,500 บาท คูณด้วยจำนวนปีที่ทำงาน

แยกคำนวณภาษีแบบนี้ จะได้รับยกเว้น 150,000 บาทแรกไหม

เมื่อทราบจำนวนเงินได้ที่ได้รับเมื่อออกจากงาน และรวมค่าใช้จ่ายที่หักได้ทั้ง 2 ขั้นตอนจากเรื่องที่แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการคำนวณภาษีตามอัตราภาษีขั้นบันได 5-35% แต่การแยกคำนวณภาษีในใบแนบนี้ จะไม่ได้รับยกเว้นเงินได้ 150,000 บาทแรก เพราะการยกเว้นเงินได้ 150,000 บาทแรกจะใช้กับการคำนวณภาษีด้วยวิธีปกติในแบบ ภ.ง.ด. 90/91 เท่านั้น ดังนั้น ตารางอัตราภาษีเงินได้จะเป็น ดังนี้

เงินได้สุทธิ (บาท)

เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้น

อัตราภาษี

ภาษีในแต่ละขั้นเงินได้

ภาษีสะสมสูงสุดของขั้น

                                ไม่เกิน         300,000

300,000

5%

15,000

15,000

เกิน              300,000    ถึง         500,000

200,000

10%

20,000

35,000

เกิน              500,000    ถึง         750,000

250,000

15%

37,500

72,500

เกิน              750,000    ถึง      1,000,000

250,000

20%

50,000

122,500

เกิน           1,000,000    ถึง      2,000,000

1,000,000

25%

250,000

372,500

เกิน           2,000,000    ถึง      5,000,000

3,000,000

30%

900,000

1,272,500

เกิน           5,000,000    บาท ขึ้นไป

 

35%

 

 

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ นายจ้างผู้จ่ายเงินได้จะหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ตามจำนวนที่คำนวณได้ ดังนั้น หากไม่มีอะไรผิดพลาด ทุกท่านก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล แต่หากมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไม่ถูกต้อง จะต้องนำภาษีที่ต้องชำระเพิ่ม/ชำระไว้เกิน ไปกรอกในแบบ ภ.ง.ด. 90/91 ด้วย

อ่านบทความตอนที่ 1 ได้ที่ https://tfpa.or.th/Article/Detail/1088

ติดตามความรู้และข่าวสารสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้ที่ LINE@cfpthailand, สมาคมนักวางแผนการเงินไทย Facebook Fanpage และ www.tfpa.or.th

ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ทาง

   ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานคุ๊กกี้        ประกาศความเป็นส่วนตัว        แผนผังเว็บไซต์
สงวนลิขสิทธิ์ 2560 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
CFP®,CERTIFIED FINANCIAL PLANNER™, and are trademarks owned outside the U.S. by Financial Planning Standards Board Ltd.
Thai Financial Planners Association is the marks licensing authority for the CFP marks in Thailand, through agreement with FPSB.

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ชั้น 6 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง
กรุงเทพมหานคร 10400

โทรศัพท์: 0 2009 9393
Website: www.tfpa.or.th