logo
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับสมาคม
  • ประเภท/สิทธิประโยชน์ของสมาชิก
  • เอกสารดาวน์โหลด
  • แหล่งข้อมูล
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
Previous Next
แหล่งข้อมูล
  • ประกาศสมาคม
  • ข่าวสมาคม
  • กิจกรรมสมาคม
  • เอกสารเผยแพร่
  • วิดีโอ
  • หน่วยงานพันธมิตร
บทความ: บริหารจัดการเงิน

วางแผนการเงิน เมื่อน้องเมย์อยากดูคอนที่เกาหลี

กระบวนการทางวิทยาศาสตร์พื้นฐานอันหนึ่งที่เป็นสัจธรรมใช้ได้กับชีวิตจริง และ ใช้บ่อยด้วย ก็คือ

Input + process = output

ความหมายก็คือ วัตถุดิบ (input) กระบวนการผลิต (process) และผลลัพธ์ (output) มีความสัมพันธ์กันตามหลักกฎแห่งกรรม (สาธุ _/\_) คือ

  • ถ้าวัตถุดิบ (input) ดี กระบวนการผลิต (process) ดี ผลลัพธ์ (output) ก็จะดี ทำนอง ทำดีได้ดี
  • ถ้าวัตถุดิบ (input) ไม่ดี กระบวนการผลิต (process) ไม่ดี ผลลัพธ์ (output) ก็จะไม่ดี ทำนอง ทำแย่ได้แย่
  • แต่ก็มีบางครั้ง (ซึ่งไม่เยอะนะ) ที่ วัตถุดิบดี กระบวนการผลิตดี แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ดี ซึ่งเราก็อาจเคยพบจากการซื้อสินค้ายี่ห้อดีๆ แต่มีข้อบกพร่อง มีตำหนิ ที่เรียกว่ามี defect อันนี้เรียก “โชคร้าย”
  • และก็มีบางครั้งเหมือนกัน ที่วัตถุดิบดี กระบวนการผลิตแย่ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดี ตัวอย่างหนึ่งที่ผมเคยพบ ก็คือ มีเพื่อนเป็นตัวแทนคนหนึ่งที่ขี้เกียจ ไม่หาลูกค้า ไม่หาความรู้ จนบริษัทจะยกเลิกสัญญาอยู่แล้ว วันดีคืนดี มีลูกค้ารายใหญ่มาติดต่อที่บริษัทเพื่อจ่ายเบี้ยต่ออายุ บังเอิญพบเพื่อนผมคนนี้อยู่พอดี ก็เลยช่วยแนะนำจัดการการชำระเบี้ยให้ และลูกค้ารายใหญ่คนนั้นก็กำลังหาซื้อประกันอยู่ เพื่อนผมก็เลยโชคดี ติด MDRT ในปีนั้นจากลูกค้าคนนี้แค่คนเดียว อย่างนี้ต้องเรียก “ลาภมิควรได้”

ซึ่งเราอาจสรุปตรรกะนี้ได้ง่ายๆตามตาราง

กระบวนการผลิต

ผลที่ได้

ดี

แย่

ดี

ทำดีได้ดี

โชคร้าย

แย่

ลาภมิควรได้

ทำแย่ได้แย่

 

ว่าไปแล้วก็เหมือนกับ การเดินทาง ถ้ารถดี (input) เส้นทางดี ขับดี (process) เราก็จะถึงเป้าหมาย (output)

การวางแผนการเงิน ก็คือสะพาน (process) ที่เชื่อมระหว่างปัจจุบัน (input) ไปสู่เป้าหมายชีวิตในอนาคต (output) นั่นเอง

เรามาเริ่มจากเป้าหมายชีวิตในอนาคตกันก่อนนะ ว่าเป็นเป้าหมายที่จำเป็น หรือ เป้าหมายที่ไม่จำเป็น แยกเป้าหมายที่จำเป็นกับไม่จำเป็นได้ง่ายๆ ดังนี้

    • เป้าหมายที่จำเป็น ถ้าเราบรรลุไม่ได้ เราอาจมีปัญหาในการดำรงชีพ เป้าหมายที่จำเป็น เช่น
      • เป้าหมายที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ได้แก่ ปัจจัย 4 (อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค) สวัสดิการรักษาพยาบาล เงินใช้ยามเกษียณ เงินค่าเทอมลูก ประกันภัย ประกันชีวิตฯลฯ
      • เป้าหมายของที่จำเป็นต่อการบริหารรายได้ ค่าใช้จ่าย เช่น เงินทุนทำธุรกิจ รถยนต์ มือถือ ประกันภัย ประกันชีวิต ฯลฯ 
      • แต่เป้าหมายที่จำเป็น ถ้ามีเยอะเกินไป ก็เป็น “เป้าหมายเกินจำเป็น” เช่น มีมือถือหลายเครื่อง เสื้อรองเท้าล้นตู้ ฯลฯ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเช่นกัน
    • เป้าหมายที่ไม่จำเป็น ถ้าเราบรรลุได้ก็ดี ไม่บรรลุก็ไม่เดือดร้อน อย่างเช่น เป้าหมายมีมือถือรุ่นใหม่ เที่ยวต่างประเทศ ฯลฯ

แต่หลายครั้งเหมือนกันนะ ที่บอกได้ยากมากว่า เป้าหมายที่ต้องการ เป็นเป้าหมายที่จำเป็นหรือไม่จำเป็น อย่างกรณีของน้องเมย์ คนอยากดูคอน

“หนูเพิ่งเริ่มทำงานครั้งแรก อยากเก็บเงินไปดูคอนที่เกาหลีปีหน้า”

หนูชื่อเมย์ อายุ 22 เพิ่งเรียนจบแล้วได้งานที่บริษัทโฆษณา เงินเดือน 18,000 บาท ดีใจมากที่ได้ใช้เงินของตัวเองเป็นครั้งแรก
หนูเป็นติ่งวง BTS ค่ะ (ติ่งจริงจังมาก) มีแพลนอยากไปดูคอนเสิร์ตที่เกาหลีปีหน้า คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 50,000 บาทรวมตั๋วคอน + ตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก + ค่าช้อปปิ้งอีกนิดหน่อย
หนูไม่มีหนี้ ไม่มีภาระอะไร เลยอยากเริ่มเก็บเงินให้ถึงเป้าหมายนี้
ช่วยแนะนำวิธีเก็บเงินให้หน่อยค่ะ จะต้องเริ่มยังไงดี? เก็บเดือนละเท่าไหร่ถึงจะทัน?

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
– เมย์ คนอยากดูคอน

สำหรับคนทั่วไป เป้าหมายดูคอน น่าจะเป็นเป้าหมายที่ไม่จำเป็น แต่สำหรับน้องเมย์ ถ้าการดูคอน BTS เป็นประสบการณ์ที่ขอมีสักครั้งในชีวิต เป็นความฝัน เป็นแรงผลักดัน ฯลฯ ก็อาจเป็นเป้าหมายที่จำเป็นก็ได้

แล้วน้องเมย์จะรู้ด้วยตัวเองได้อย่างไรว่า การดูคอน BTS เป็นเป้าหมายที่จำเป็น มีวิธีง่ายๆ เช่น

  • ถามตัวเองดูว่า ความสุขจากการดูคอนเพียง 2 ชั่วโมง เทียบกับหยาดเหงื่อ เวลาที่น้องเมย์ต้องทำงานหาเงินเกือบ 3 เดือนแบบไม่ใช้จ่ายอะไรทั้งสิ้น คุ้มค่าหรือไม่ มีเป้าหมายอื่นที่จำเป็นมากกว่า คุ้มค่ามากกว่ารึเปล่า? อย่างเช่น เป้าหมายการศึกษาต่อ เป้าหมายหาทุนทำธุรกิจในฝัน ฯลฯ
  • ก่อนตัดสินใจซื้อตั๋วคอน หรือ จองตั๋วเครื่องบิน ลองให้เวลาตัวเองอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อจะได้รู้ใจตัวเองตอนนั้นว่า ยังอยากไปหรือไม่ เพราะคนเรามักจะคิดด้วยเหตุผล แต่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ การให้เวลาตัวเองก่อนตัดสินใจ จะช่วยให้เราตัดสินใจอย่างมีเหตุผลมากขึ้น ผมเองก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันกับเป้าหมายที่ต้องใช้เงินเยอะๆ  หลายครั้งตอนแรกๆก็ลงแดง ไม่ซื้อไม่ได้ ของมันจำเป็น ของมันต้องมี แต่พอผ่านไปสักอาทิตย์ ลืมเป้าหมายที่อยากได้ไปเฉยๆเลย มาคิดเอาทีหลัง โชคดีที่ไม่ได้ซื้อ

เอาล่ะ สมมติเป้าหมายดูคอน เป็นเป้าหมายที่จำเป็น น้องเมย์เพิ่งเริ่มทำงานคิดซะว่ายังไม่มีเงินเก็บเลย แสดงว่าเงินออมเริ่มต้นไม่มี (ไม่มี input) ก็ต้องอาศัยกระบวนการ (process) เพื่อให้เป้าหมายมีเงิน 50,000 บาทไปดูคอนเป็นจริง น้องเมย์ต้องเก็บเดือนละ 4,200 บาท แปลว่าน้องเมย์ต้องใช้จ่ายไม่เกินเดือนละ 13,800 บาท แต่ถ้าน้องเมย์เก็บได้น้อยกว่าเดือนละ 4,200 บาท หรืออยากจะเตรียมเงินเผื่อไว้หน่อย ก็มี 3 ทางเลือก

  • ลดรายจ่าย อันนี้เริ่มได้ง่ายสุด เร็วสุด ลองทำบัญชีรายรับ รายจ่ายดู เดี๋ยวนี้มีแอปบัญชีรายรับรายจ่ายดีๆเยอะแยะ เช่น Money Lover, Metang, SET Happy Money, ฯลฯ รายจ่ายที่ปรับลดได้ก็ปรับ ตัวอย่างหนึ่งที่เคยแนะนำ รปภ.คนหนึ่งที่ชอบชานมไข่มุกมาก กินวันละ 3 แก้ว (ตกวันละ 100 บาท)  ให้ปรับลดชานมไข่มุกดู ปรากฏว่า รปภ.หักดิบ เลิกกินชานมไข่มุกเลย มีเงินเก็บเพิ่มขึ้นเดือนละ 3,000 บาทง่ายๆ แค่ไม่ใช้เงิน
  • หารายได้เพิ่ม ไม่ว่าจะมาจากงานที่ทำงาน เช่น ทำ OT หรือ งานเสริม จากการสำรวจโดย Deloitte พบว่า 66% ของ Gen Z และ 71% ของ millennials ในไทยมีงานเสริม เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม เช่น งานเดลิเวอรี่ แพล็ตฟอร์ม ride-share หรือสร้างคอนเทนต์ออนไลน์ เป็นต้น เราก็ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองหางานเสริมดูนะ เราอาจพบพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ หรือโอกาสที่มองข้ามมานานก็เป็นได้
  • เพิ่มผลตอบแทนเงินออม หากเราสามารถเพิ่มผลตอบแทนของเงินออมได้มากเท่าไร จำนวนเงินที่ต้องออมก็น้อยลงมากขึ้นเท่านั้น ตามตาราง

 

อัตราผลตอบแทน/ปี

0%

1%

2%

3%

4%

5%

จำนวนที่ต้องออม/เดือน

4,166.67

4,147.60

4,128.61

4,109.68

4,090.83

4,072.04

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราต้องการผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงที่จะขาดทุนก็สูงด้วย หลักการลงทุนง่ายๆ คือ

  1. ถ้าเป้าหมายจำเป็น ระยะเวลาการบรรลุเป้าหมายสั้น อย่าเสี่ยง
  2. ถ้าเป้าหมายจำเป็น ระยะเวลาการบรรลุเป้าหมายยาว กระจายความเสี่ยง
  3. ถ้าเป้าหมายไม่จำเป็น (ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เดือดร้อน) ระยะเวลาสั้น หรือ ยาว เราก็เสี่ยงได้หมด

กรณีน้องเมย์เป็นกรณีที่ 1 การลงทุนระยะสั้นๆที่ไม่เสี่ยง อย่างเช่น เงินฝากประจำแบบอายุไม่เกิน 1 ปี เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง เงินฝากออมทรัพย์สหกรณ์ กองทุนตลาดเงิน ฯลฯ การลงทุนบางอย่างผลตอบแทนต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย อย่างเช่น เงินฝากประจำ ดอกเบี้ยต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% ตอนเลือกลงทุนต้องดูผลตอบแทนสุทธิหลังภาษีนะ และต้องเลือกการลงทุนที่ถอนได้ง่าย ไม่มีเงื่อนไข ส่วนเงินฝากออมทรัพย์ธรรมดา ถอนง่ายจริง แต่ดอกเบี้ยต่ำมากเกินไป ไม่แนะนำนะ มีแค่พอเผื่อถอนมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสัก 1 – 2 สัปดาห์ก็พอแล้ว อย่างเช่น เราใช้จ่ายวันละ 1,000 บาท ก็ควรมีเงินในบัญชีออมทรัพย์ 7,000 – 14,000 บาทก็พอ

แต่หากเป้าหมายการดูคอนของน้องเมย์เป็นเป้าหมายที่ไม่จำเป็น ดูก็ได้ ไม่ดูก็ได้ ก็ยังแนะนำให้ออมและลงทุนนะ การออมและลงทุนเป็นกิจกรรมการเงินที่จำเป็นและสำคัญเพื่อความมั่นคงทางการเงินในอนาคต แต่ถ้าเป้าหมายดูคอนเป็นเป้าหมายที่ไม่จำเป็น เราก็สามารถลงทุนอะไรที่เสี่ยงมากขึ้น เพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น แม้ว่าครบ 1 ปีอาจขาดทุนหรือเงินโตไม่พอให้น้องเมย์ได้ดูคอน แต่เงินที่ออมก็ยังมีโอกาสเติบโตได้เพิ่มขึ้นเมื่อระยะเวลายาวนานขึ้น เผลอๆอาจช่วยให้น้องเมย์บรรลุเป้าหมายที่ใหญ่กว่า สำคัญกว่าดูคอนอีกก็ได้

แล้วควรลงทุนอะไรดี

ถ้ากันเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินสัก 3 – 6 เท่าของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนแล้ว เงินที่เหลือในแต่ละเดือนและเป็นเงินที่มั่นใจว่าสามารถลงทุนได้ระยะยาว ไม่มีความจำเป็นต้องถอนมาใช้ เราก็สามารถนำมาลงทุนแบบทยอยลงทุนที่เรียกกันว่า Dollar Cost Average (DCA) ที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงเรื่องจังหวะการลงทุน อาจทำง่ายโดยใช้ระบบตัดเงินลงทุนอัตโนมัติที่สถาบันการเงินหลายที่มีให้บริการ ตัวอย่างพอร์ตการลงทุนสำหรับเป้าหมายระยะยาว ก็เช่น

ประเภทสินทรัพย์

สัดส่วน (%)

หมายเหตุ

กองทุนหุ้นที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลก

60%

เพื่อกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ และสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

กองทุนตราสารหนี้ระยะยาว

30%

กองทุนทองคำ/สินทรัพย์ทางเลือก

10%

ขอย้ำนะ พอร์ตการลงทุนที่ให้ดูเป็นเพียงพอร์ตตัวอย่างเพื่อแสดงให้เห็นแนวคิดของการกระจายความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว หากอยากจะมีพอร์ตที่ตอบโจทย์ตัวเองจริงๆ ก็ควรปรึกษานักวางแผนการเงิน CFP นะ

ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ทาง

   ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานคุ๊กกี้        ประกาศความเป็นส่วนตัว        แผนผังเว็บไซต์
สงวนลิขสิทธิ์ 2560 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
CFP®,CERTIFIED FINANCIAL PLANNER™, and are trademarks owned outside the U.S. by Financial Planning Standards Board Ltd.
Thai Financial Planners Association is the marks licensing authority for the CFP marks in Thailand, through agreement with FPSB.

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ชั้น 6 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง
กรุงเทพมหานคร 10400

โทรศัพท์: 0 2009 9393
Website: www.tfpa.or.th